วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ประวัติรถเวสป้า


ตอนสิ้นสุดสงครามโรงงานส่วนใหญ่ไม่สามารถที่จะผลิตอะไรได้ถนนและรางรถไฟถูกทำลายเรือต่าง ๆ ถูกทำลาย Tuscany มีร่องรอยมากมายจากสงครามรวมทั้งโรงงานของ Piaggio ที่เมือง Pontedera"Piaggio ถูกตั้งที่ Seastri Ponente ในเมืองเจนัวประเทศอิตาลีในปี ค.ศ.1881และเจริญเติบโตจนประสบผลสำเร็จภายใต้การผลักดันของ Rinaldo Piaggio ลูกค้าของ Enrico ผู้ทำธุรกิจผลิตชิ้นส่วนของเรือด้วยความตั้งใจที่จะแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมทางเทคโนโลยี Rinaldo พยายามขยายส่วนของเขาออกไปจากการผลิตส่วนประกอบเรือ เขาจึงคิดเริ่มผลิตรางรถไฟ รถไฟ ปีค.ศ.1917 เขาได้เข้าทำกิจการต่อจากคนอื่นในการทำโรงงานผลิต เรือเร็วที่ Finale Ligune and Pisa ขณะที่มีสงครามลูกชายของเขาสองคนคือ Anmando และ Enrico ได้แบ่งกัน ทำธุรกิจ Anmando ควบคุม และจัดการ โรงงานที่ Sestri and Finale ส่วน Enrico ดูแลโรงงาน Tuscan ของ Pisa และPontedera หลังสงคราม โลกครั้งที่ 2 เหลือแต่โรงงาน Finale Ligure และบางส่วนของ SestriGenoa เท่านั้นความคิดดั้งเดิม Enrico จึงได้ตัดสินใจที่จะหยุดการผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินที่ยาก และเป็น งานซับซ้อนหันมาผลิตเครื่องยนต์แบบง่ายในแบบ Four - Part P 108 ให้กับรถเวสป้า ที่โรงงาน Pontedera ซึ่งเคยผลิต radial engine (สำหรับเครื่องบิน) ซึ่งทำลายสถิติที่ทำไว้แล้ว 21 ครั้งก่อน นาย Enrico ยังเห็น ภาพการปรักหักพัง ที่เกิดขึ้นสงครามติดตาอยู่เขาเข้าใจว่าการจะแข่งขันกับ North American Company เป็นเรื่องยาก เขาจึงคิดที่จะนำคนงานที่เคยเป็นหัวหน้าคนงานคนนั้นกลับมาด้วยการที่มีเครื่องยนต์ พิเศษเหลืออยู่เพียงน้อยนิด จึงเกิดความคิดที่สร้างยานพาหนะเล็ก ๆไว้เดินทางขนส่งและสำรวจใน โรงงานคือ MP5 หรือโดนัลดัค ซึ่งในรุ่นนี้ทำจากซากชิ้นส่วนของเครื่องบินดังนั้นรูปร่างมันจึงมีความน่าเกียจมากกว่าน่ารักอย่างเดียวกับที่พวกคนงานในโรงงาน เรียกเพราะมันมีรูปร่างแปลก ๆ มันคือ Scooter รถจักรยานยนต์คันเล็ก ๆ ที่มีล้อต่ำ ๆ ช่วยต่อการขับขี่ไม่สิ้นเปลืองน้ำมันและราคาไม่แพง Enrico เห็นว่ารถจักรยานยนต์ใหม่ของเขาจะต้องทำให้คนอิตาลีหันมาขี่กันทั้ง ประเทศอิตาลีทั้งๆที่ประเทศอิตาลียังคงมีแต่ซากปรักหักพังและน้ำมันขาดแคลน CorradinoD'Ascanio ได้เป็นวิศวกรผู้ทำการออกแบบ และในเดือนธันวาคมปีค.ศ.1945.รถเวสป้ารุ่น MP6 ก็ถูกผลิตออกมาด้วย องค์ประกอบหลายอย่างที่สะดวกสบาย มีล้ออะไหล่ซึ่งขับขี่แบบง่ายๆถ้าในเวลาขับขี่รถติดก็มีที่กำบังกันน้ำกระเด็นใส่จึงทำให้ประชาชนในประเทศอิตาลีเริ่มรู้จักรถจักรยานยนต์แบบ Scooter เมื่อ Enrico ได้ฟังเสียงรถ MP6 เขาร้องออกมาว่า"มันเหมือนตัวต่อ ร้องเลย"ตั้งแต่นั้นมา Enrico ก็เลยให้ชื่อเสียงเรียงนามเรียกรถนี้ว่า Vespa ซึ่งแปลว่าตัวต่อในเดือนเมษายน ปี ค.ศ.1946 Piaggio และ บริษัทของเขา ได้หยิบเอา ความคิดที่ดี ออกมาใช้ในการออกแบบ จากนั้นปีต่อ ๆ มาจึงผลิตรถเวสป้าในปีหนึ่งนั้น จะผลิตรถ vespa ออกมาหนึ่งรุ่นถึงสองรุ่น Dott. Enrico Piaggio เกิดเมื่อ 22 ก.พ. 1905 เป็นบุตรชายของ Rinaldo Piaggio จบการศึกษาที่ Genoa ทางด้าน Economic และ commerce เข้าร่วมธุรกิจของครอบครัว ในปี 1928 ตำแหน่งผู้จัดการโรงงาน Pontedena ภายหลังในปี 1938 พ่อของเขาได้เสียชีวิตลง Enrico จึงได้รับภาระบริหารงานทั้งหมด University of Pisa มอบปริญญาเอกทางด้าน วิศวกรรมให้ Enrico เขาเสียชีวิตลงในปี 1965 หลังจากผลิตรถเวสป้า ส่งขายทั่วโลกครบ 1000000 คัน หลังสงครามโลกครั้งที่2 จบลง โรงงานของ Enrico ถูกทำลายจากาการทิ้งระเบิดของเยอรมัน ในช่วงของการฟื้นฟูเศรษฐกิจการต้องการพาหนะที่ประหยัด มีมากจึงทำให้ Enrico เกิดความคิดที่จะนำชิ้นส่วนต่างๆ ในโรงงานนี้มาสร้างพาหนะนั้นนะ ที่มีคุณสมบัติระหว่าง Motorbike กับรถยนต์ในเดือนเมษายนปี 1945 Corradino D’Ascanio นักออกแบบในโครงการนี้ได้ ร่างภาพออกมาตัวถัง ทำจากเหล็ก แผ่นที่มีสันกระดูกกลางใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็ก 4-5 แรงม้า วางอยู่ตำแหน่งหลังเพื่อป้องกันการสกปรก ไม่เหมือนกับรถมอเตอร์ไซค์ทั่วๆๆไปที่นั่งมีบังลมป้องกันเสื้อผ้าและขาและสิ่งหนึ่งที่เขาบุกเบิกคือ การเปลี่ยนเกียร์ ที่คันบังคับจากมือซ้ายและโยงไปยังเครื่อง เมื่อ Enrico ได้เห็นแบบร่างในครั้งแรกเขาตั้งชื่อมันว่า Vespa เพราะมีรูปร่างคล้ายๆๆตัวต่อ (Wasp) Classic Scooter คำว่า "scooter" ที่หมายถึงยานพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์นั้น มีการให้ความหมายกว้างขวางมาก หลายๆคนมองว่า scooter คือยานยนต์ที่มีล้อขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สีสรรสดใส และราคาประหยัด จุดเด่นของ scooter ก็คือเพื่อตอบสนองผู้ใช้ที่ไม่มีความรู้ทางช่าง scooter มีการวางจำหน่ายเป็นจำนวนมากในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง จนกระทั่งเริ่มมีการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กราคาถูกออกวางจำหน่าย ความนิยมในการใช้ scooter จึงลดน้อยลงผู้ครองตลาดการจำหน่าย scooter ในช่วงปี 1950 คือ บริษัทของอิตาลี 2 แห่งคือ piaggio และ innocenti ซึ่งเป็นผู้ผลิต vespa และ lambretta ทำให้เป็นที่อิจฉาของ ผู้ประกอบการรายอื่นทั่วโลก ในขนะที่ ยอดจำหน่ายสูงสุดของ scooter จะมีอายุเพียงสองทศวรรษเท่านั้น แต่โดยภาพรวมแล้ว scooter กลับมีอายุยืนนานถึงกว่า80ปี ข้อเขียนนี้เป็นการบรรยายสรุปการผลิต scooter เริ่มตั้งแต่ช่วงปี1900 และปิดท้ายด้วยการคาดการณ์ถึงความ เป็นไปได้ในอนาคตของ scooter จุดกำเนิด scooter (scooter origins) พื้นฐานที่สำคัญของ scooter ต่อสาธารณะก็คือการเป็นยานยนต์ส่วนตัวที่มีราคา ประหยัดจากผลของสงครามโลกทั้งสองครั้ง ผลในทางบวกที่เกิดขึ้นก็คือ การพัฒนาทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง บริษัทวิศวกรรมทางการทหารมีการขยายตัวอย่างมาก และเมื่อสงครามสงบ จึงเกิดบริษัทวิศวกรรมหลายๆแห่งที่ไม่ต้องทำการผลิตเพื่อกองทัพอีกต่อไป ดังนั้นบริษัทเหล่านี้จึงหันมามองตลาดยานพาหนะ ส่วนบุคคลแทน หลายๆบริษัทได้หันมาพัฒนาประดิษฐ์กรรมที่ต่อมาเรียกขานกันว่า scooter scooter รุ่นแรกๆนั้น ไม่มีการจำหน่ายในปริมาณมาก สาเหตุอาจเป็นเพราะไม่ได้สนองตอบต่อความต้องการในการเดินทางของผู้คนภายหลังสงคราม และก็เพียงเพื่อ ต้องการให้มีความแตกต่างกับมอเตอร์ไซด์ในยุคนั้นเท่านั้น scooter ในยุคแรกได้รับความนิยมพอสมควร แต่ก็ต้องปิดตัวเองไปในช่วงกลางทศวรรษ 1920 จนกระทั้งสมัยสงครามโลกครั้งที่สองจึงได้เริ่มทำการผลิตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อตอบสนอง ทางการทหาร บริษัทผู้ผลิตในอังกฤษ อิตาลี เยอรมัน และอเมริกา ได้ทำการผลิต scooter แบบธรรมดาๆเพื่อใช้ขนย้ายกองทหารพลร่มและทหารราบ ในอังกฤษมีการผลิตแบบ Welbike ซึ่งสามารถพับเก็บได้ ในอเมริกามีการผลิตแบบ Cushman ฝ่ายเยอรมันก็มี TWN ส่วนอิตาลีก็ทำการผลิตแบบ Volugrafo ซึ่งมีล้อหลังคู่ เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองยุติลง ผู้คนเริ่มหันมาต้องการใช้ยานยนต์กันอีก บริษัทผู้ผลิตซึ่งต้องทำงานอย่างหนักในช่วงสงครามจึงมีศักยภาพพอที่จะทำการผลิตได้ ผลที่ตามมาก็คือเกิดการประดิษฐ์ scooter รุ่นที่สอง ในอิตาลี บริษัท Piaggio ซึ่งบริษัทผู้สร้างเครื่องบินในสมัยนั้นถูกห้ามทำการผลิตในปี 1945 ดังนั้นทางบริษัทตึงหันมาผลิต scooter ขนาดเล็กที่ใช้โครงสร้างตัวถังแบบชั้นเดียวแทน หลังจากผลิตรถรุ่นดังกล่าวได้ประมาณ 100 คัน จากนั้นจึงลงมือผลิตรุ่นที่ใช้ชื่อว่า Vespa (Wasp) ออกมารถรุ่นนี้มีความก้าวหน้ามากทั้งในด้านรูปทรงและด้านวิศวกรรม ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นต้นแบบของVespa ที่มีการวางจำหน่ายในท้องตลาดจนถึงกลางทศวรรษ1990 scooter รุ่นแรกที่มีขนาดเครื่องยนต์เพียง 98cc.ต่อมาได้มีการพัฒนา ให้มีขนาด 125cc. 150cc.และ 200cc. ตามลำดับ ส่วนบริษัทยักษ์ใหญ่ Innoncenti แห่งมิลาน ได้ทำการเปิดตัวสินค้าด้วย Lambretta M (ต่อมาใช้ชื่อใหม่เป็น Model A)ออกมาในปี 1947 Lambretta ผลิตโดยใช้ตัวถังแบบเปิด(openframe) ทรงหลอด และไม่มีระบบป้องกันสภาพอากาศที่ดีนอกจากนั้นก็ไม่มีระบบกันกระเทือนอีกด้วย ดังนั้นจึงต้องอาศัยยางในล้อช่วยลดการกระแทก หลังจากนั้นไม่นานLambretta จึงทำการผลิตรุ่น B ออกมาแทน จากจุดนี้เอง ทั้ง Lambretta และ Vespa จึงได้ทำการแข่งขันกันอย่างหนัก เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งในการตลาด อย่างไรก็ตาม Lambretta ยังยึดรูปแบบทรงหลอดอยู่ แต่ในบางครั้งก็มีการเปลี่ยนแปลงจากระบบขับเคลื่อนด้วยเพลาไปใช้ระบบโซ่ หรือบางทีก็สลับกัน ส่วนทางด้าน Vespa นั้นก็ยังยึดระบบตัวถังแบบเหล็กชิ้นเดียวครอบตัวเครื่อง และติดตั้งระบบเกียร์ไว้ใกล้ๆกับล้อหลัง การแข่งขันของทั้งสองบริษัทนี้เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆแม้กระทั่งในปัจจุบัน ผู้ใช้ scooter ก็ยังแบ่งเป็นสองกลุ่มอย่างชัดเจน ต้นทศวรรษ 1950 ทั้ง Vespa และ Lambretta สามารถสร้างยอดจำหน่ายได้มากชนิดที่วงการรถสองล้อไม่เคยมีมาก่อน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นผลให้ผูผลิตรถจักรยานยนต์ และยานยนต์ชนิดต่างๆ เกิดการแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้นผู้ผลิตบางรายจะเน้นที่รูปแบบและเครื่องยนต์ สำหรับบางรายยกเครื่อง scooter ใหม่หมด โดยการเปลี่ยนยานยนต์แบบประหยัด ให้กลายมาเป็นยานยนต์แบบเริดหรูและก้าวไกล ตลาดในขณะนั้นไม่สามารถรองรับความหลากหลาย ของสินค้าได้ทั้งหมด ทำให้สินค้าบางตัวมีอายุสั้นมาก แม้จะเป็นสินค้าชั้นยอดก็ตาม สินค้าชั้นดีหลายๆชนิดไม่ประสบผลสำเร็จทางธุระกิจเลย จุดตกต่ำของ scooter เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1960 เมื่อผูบริโภคหันหลังไปนิยมใช้รถยนต์ขนาดเล็กที่มีราคาถูก เช่น Fait 500 และ Fait Mini เป็นต้น ทั้งนี้เพราะป้องกันฝน และอากาศหนาวได้ดีกว่า ส่วนผู้ซื้อ scooter จะมีก็เพียงสมาชิกชมรมต่างๆที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ในทศวรรษ 1990 scooter ของยุโรปยังมีหลงเหลือให้เห็นได้พอสมควร ทว่าในปัจจุบันผู้ผลิตของญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และอิตาลี กำลังทำการผลิต scooter รุ่นที่สามออกมา โดยมีรูปทรงและภาพพจน์ที่สะดวกสบายต่อการขนส่ง มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และเสริมสีสรรที่โฉบเฉี่ยวเพื่อดึงดูดลูกค้าวัยรุ่นฐานะปานกลาง จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่าอนาคตของ scooter จะเป็นอย่างไร

รวมพลคนรักเวสป้า


เว็บไซต์สำหรับ เวสป้า ( vespa ) เพื่อคนรัก เวสป้า โดยเฉพาะ







หลากหลายสินค้า

>> รถเด็กหัดเดิน






รถเวสป้าลายทหาร
Price per Unit (piece): ฿6,400.00


- เหมาะสำหรับเด็กอายุ 2 ปี ขึ้นไป
- สามารถรับน้ำหนักได้ 30 กก.
- มีล้อหลัง 2 ล้อ เพื่อป้องกันการล้มของรถ
- ฝึกทักษะการบังคับรถ
- ใช้แบตเตอร์รี่แห้ง ซึ่งง่ายต่อการดูแลรักษา
- มีบริการหลังการขาย เช่น ตรวจเช็คอายุการใช้งานของแบตเตอร์รี่,มีช่างที่ให้คำแนะนำ เกี่ยวกับระบบไฟของรถ เป็นต้น
- มีกล่องใส่สิ่้งของด้านหลังสีชมพู


**สินค้าสุดฮิต**
สั่งจองสินค้า : http://www.toysfriend.com

**********************************************
>> ขายรถเวสป้า แฮนแป๊ป ปี 1953
ข้อมูล : รถเวสป้า ปี 1953 ไฟตะเกียงล่าง ของแท้ รถสีเทาอ่อน ของครบ เครื่อง สปรินทร์ ราคา 125000
สนใจติดต่อ 01-9142634
*********************************************
>> ขายรถเวสป้า / แลมเบตต้า มีหลายคัน สอบถามได้
ข้อมูล : ขายรถเวสป้า - แลมเบตต้า สวยๆ มีหลายคัน/หลายสี
สอบถาม ปอ : 085-8031529
*********************************************
>> ขายรถเวสป้า ด่วน!
ข้อมูล : ต้องการขายรถเวสป้า 64 150 ซีซี มีทะเบียน/พรบ. สภาพใหม่ เจ้าของขายเอง จ.เชียงใหม่
สอบถาม : 083-4743317 คุณหนิง
*********************************************
>> ร้านค้าออนไลน์
ข้อมูล : ขายอะไหล่เวสป้าและแลมแบรตต้าทุกรุ่น ราคาส่งและปลีก
เว็บเพิ่มเติม : www.rodvespa.com
***********************************************
>> ตลาดซื้อขายสินค้ามือสอง
**********************************************
>> ร้านค้าออนไลน์ ประกาศขายสินค้า - อะไหล่เวสป้า ไฟท้าย64เวสป้า
สนใจ : www.siamonlineshop.com
***********************************************
>> ซื้อขาย ฝาครอบโช๊คเวสป้า สินค้าออนไลน์ 24 ชั่วโมง
สนใจ : www.shopping.sanook.com
************************************************

วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เวสป้า กระแส หรือใจรัก


ถ้าจะพูดถึงแฟชั่นยุค 60 หลายๆคนคงจะนึกถึงผมทรงแอฟโร่ เสื้อเชิ้ตลายเจ็บๆ กางเกงขาบาน แว่นตาที่ใหญ่เกือบเท่าใบหน้า รวมไปถึงเพลงดิสโก้ ถึงวันนี้แม้ระยะเวลาจะผ่านไปเกือบ 50 ปีแล้ว แฟชั่นยุคนั้นยังคงไม่หายไปแต่อย่างใด มิหนำซ้ำเรามักจะเห็นวัยรุ่นในสมัยนี้นำแฟชั่นยุค 60 มาผสมผสานกับแฟชั่นสมัยใหม่ได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว และสิ่งที่เรามักจะเห็นคู่กับแฟชั่นยุค 60 ก็คือ มอเตอร์ไซค์ล้อเล็ก รูปร่างชวนสะดุดตา ที่เรียกว่า “เวสป้า” เวสป้าถือกำเนิดขึ้นที่ประเทศอิตาลี ราวๆ ปีค.ศ.1945 ซึ่งคำว่า “เวสป้า” ในภาษาอิตาลีแปลว่า ตัวต่อ โดยนำมาจากลักษณะของตัวรถนั้นเอง (ท้ายรถมีลักษณะใหญ่เหมือนตัวต่อ) แต่จะด้วยความคลาสิคของตัวรถหรืออะไรก็แล้วแต่ เวสป้าดูเป็นที่ถูกใจของนักสะสมมากพอสมควร จึงไม่แปลกนักที่จะมีชมรมเวสป้าถือกำเนิดขึ้นในบ้านเรา และเรามักพบเห็นเวสป้ากลุ่มใหญ่ตามงานเปิดตัวสินค้าต่างๆ ที่ขับไปตามท้องถนนแล้วมีพริตตี้สาวสวยซ้อนท้าย หรือแม้กระทั่งจากในจอโทรทัศน์กับโฆษณาอีกหลายๆ ชิ้น ฉะนั้นเราไม่อาจปฎิเสธได้เลยว่ารถมอเตอร์ไซค์เวสป้านั้นเปรียบเสมือนรถของแฟชั่นไปตลอดกาลแล้ว และวัยรุ่นยุคนี้ก็หันมาสนใจเวสป้ากันเยอะมากขึ้นกว่าแต่ก่อน “เฮียชัย” เจ้าของร้านสิทธิชัยยนต์ ร้านซ่อมเวสป้า ถ.บำรุงเมือง บอกว่ามีวัยรุ่นมาซ่อมรถที่ร้านก็เยอะเหมือนกัน ส่วนใหญ่ก็เป็นเด็กที่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยนี่ล่ะ มีทั้งขอช่วยหารถให้หน่อย มาฝากขายด้วยก็มี บางทีมาจากต่างจังหวัด ยกขึ้นกระบะเอามาให้ซ่อมถึงที่นี่เลย “จริงๆเดี๋ยวนี้นักศึกษาเขาก็ขับกันเยอะ ลูกค้าที่เป็นผู้หญิงก็มีนะ คือวัยรุ่นเขาอยากได้คันที่ใหม่ๆสวยๆ ซึ่งเราก็ต้องผ่าเครื่องใหม่ทำสีใหม่ ราคาก็ตกอยู่ที่ราว 40,000-60,000 บาท นับว่าแพงกว่าแต่ก่อนมาก ซึ่งก็ต้องว่ากันตามสภาพ ราคานี้ยังไม่นับที่มีทะเบียนนะ มีทะเบียนด้วยยิ่งแพงขึ้นไปอีก เพราะเวสป้ามันรถเก่า ขับกันมากี่คนต่อกี่คนแล้วก็ไม่รู้ ถ้าจะเอาที่แบบเป็นรถเดิมๆ แท้จริงๆ ก็หายาก เพราะมันหลายสิบปีมาแล้วส่วนใหญ่จะเป็นรถประกอบซึ่งมาจากเอาหลายๆรุ่นรวมกัน” “ปอนด์” วัชรพงษ์ นักศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ กล่าวถึงจุดเริ่มต้นที่ตนเองหันมาสนใจเวสป้าว่า “ตอนนั้นจำได้ว่าประมาณ ม.5 นั่งรถเมล์ไปสวนจตุจักรคนเดียวแล้วรถติดไฟแดงอยู่ พอดีมองไปฝั่งตรงข้ามเห็นเวสป้าสีดำจอดติดไฟแดงคันหนึ่ง เราก็มองว่า เออรถมันสวยดีนะ แปลกดีมันไม่เหมือนกับรถมอเตอร์ไซค์ทั่วๆ ก็เลยชอบตั้งแต่นั้นมา คือถ้าบ้านเราพอพูดถึงเวสป้าก็จะนึกถึงแต่พวกเวสป้าส่งผ้าแบบนั้นไป” หลังจากนั้นปอนด์ก็ได้ศึกษาจากทั้งหนังสือและเว็บไซต์ต่างๆ ว่าเวสป้ามันมีกี่รุ่นกี่แบบกันและมันแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งตอนนี้ปอนด์ก็ได้เป็นเจ้าของเวสป้าสมใจอยาก โดยเขาบอกว่ารุ่นที่เขาขี่คือ รุ่นปี 1964 “ตอนนั้นรู้จักเพื่อนที่สนใจเวสป้าด้วยกัน เขาก็ขี่อยู่ ไปคุยกันอยู่บ่อยๆ ก็ให้เขาช่วยดูให้ พอดีว่าแถวบ้านเพื่อนมีคนแก่เขามีรถเวสป้าพอดี เพื่อนก็บอกให้เราไปดู ปรากฎว่าชอบ เลยซื้อต่อเขามาอีกที แล้วก็เอามาทำเครื่องทำอะไรอีกนิดหน่อย ไม่ได้เน้นแรงมาก เพราะไม่ชอบขับเร็ว แต่แรกๆที่ขี่รถก็มีปัญหาบ้างเหมือนกัน แต่พอไปให้ช่างเขาดู เขาก็บอกปัญหาว่าที่เสียอย่างนี้เป็นเพราะสาเหตุนี้ๆ เราก็เลยแก้ไขไป หรือซ่อมเวลามันเสียได้บ้าง แต่ก็ซ่อมไม่ได้หมดทุกอย่าง” ด้านเจ้าของเวสป้าแรลลี่ 180 สีน้ำเงิน “โจ้” เอกนรินท์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า เขาชอบรถเวสป้ามาตั้งนานแล้ว “เหตุผลที่โดนใจจริงๆ คือตอนได้ดูมิวสิคเพลงขี้หึงของซิลลี่ฟูลส์ ในมิวสิคเขาขี่เวสป้ากันทั้งวง ดูเท่มาก ถ้าเราได้ขับแบบนั้นบ้างคงมีความสุขดี ก็เลยชอบและสนใจที่อยากซื้อมาขับบ้าง นี่คือจุดแรกเริ่มที่ชอบเวสป้า หลังจากนั้นก็ไปดูไปศึกษามาหมด ตั้งแต่ไปรวมตัวกันที่ ลานพระบรมรูปทรงม้า สะพานมัฆวาน แม็คโคร แถวๆบางกระบือ สามยอดคลองถม จนช่วงนี้เขาไปรวมตัวกันที่รัชดา-ไนท์ แต่ช่วงหลังนี่ก็ ไม่ค่อยได้ไปแล้ว คือการรวมตัวแบบนี้มันจะมีทุกอาทิตย์ มันเหมือนกับเป็นการโชว์รถ แลกเปลี่ยนความเห็นกัน รวมทั้งขายรถด้วย มันก็มีความสุขดีได้คุยเรื่องที่เราชอบด้วยกันหลายๆคน” โจ้เล่าว่าตอนแรกที่อยากเล่นเวสป้าก็ยอมรับว่าซื้อมาเพราะชอบวงซิลลี่ฟูลส์จริงๆ มันก็ดูเหมือนกับตามกระแส แต่พอเล่นไปนานๆแล้ว ซ่อมบ่อยอะไรบ่อย แต่งเยอะด้วย คือหมดไปกับคันนี้เยอะ ว่ากันง่ายๆ เหมือนกับว่าก็มันผูกพันไปโดยไม่รู้ตัวเพราะว่าขี่อยู่เกือบทุกวัน ขี่ไปเรียนด้วย นอกจากไปต่างจังหวัดถึงจะไม่ได้ขี่ เกี่ยวหรือเปล่าที่ขี่รถแบบนี้แล้วผู้หญิงชอบ? “จริงๆแล้วมันก็ไม่เชิงนะ ผู้หญิงที่เขาชอบรถเวสป้าก็มีเยอะพอเห็นขับเขาก็อยากเข้ามาคุยด้วย แต่ไม่ใช่เชิงจีบกัน ถามเรื่องเกี่ยวกับรถมากกว่า” ลองมาฟังทรรศนะจากสาวๆ ดูบ้าง เริ่มที่ “อุ๋ม” น.ส. กนกทิพย์ ด้วงชะอุ่ม น.ศ.ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต เธอกล่าวว่า ก็ชอบรถคลาสสิคพวกนี้อยู่เหมือนกัน ทั้งรถเต่า มินิคูเปอร์ หรือเวสป้า เพราะว่ามันดูสวยดีถึงแม้ว่าจะเป็นรถเก่า แต่คนขี่เวสป้าเดี๋ยวนี้แต่งตัวกันดูจะโอเวอร์ไปนิด เหมือนกับว่าจะเท่ แต่มันไม่ได้เท่ในสายตาเธอเลย ออกจะดูตลกไปด้วยซ้ำ “ คิดว่าส่วนใหญ่ซื้อมาเพื่อที่จะเอาไว้โชว์สาวมากกว่า คงจะไม่ได้ชอบหรือรักรถคลาสสิคจริงๆ เท่าไหร่ มีเพื่อนบางคนเล่นไปได้แค่ปีเดียวก็เบื่อ ขายทิ้งไปแล้ว คงเป็นเพราะกระแสมากกว่า หรือบางคนเห็นดาราในทีวีขี่ก็อยากมีบ้าง แต่คิดว่าคนที่เล่นพวกรถคลาสสิคพวกนี้น่าจะมีกำลังทรัพย์มากพอสมควรนะ เพราะไหนจะค่าอะไหล่รถ ซึ่งบางอย่างก็หายาก ค่าแต่งรถ หรือบางทีอาจโดนใบสั่งจากตำรวจอีกเพราะเวสป้าบางคันมันก็ไม่มีทะเบียนซึ่งก็เสี่ยงที่จะถูกตำรวจยึดไปเหมือนกัน” อย่างไรก็ตาม ด้วยความนิยมของคนที่รักเวสป้ามีมาก ทำให้มีการตั้งชมรมคนรักเวสป้าขึ้นตามมหาวิทยาลัยต่างๆ มากมาย ทั้งสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ,พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง,มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ , วิทยาลัยเพาะช่าง และรวมไปถึงแหล่งนัดพบใหญ่ๆ อย่างเช่นที่ ปากเกร็ดจ.นนทบุรี หรือแถวรังสิต กัน และใครอยากเข้าร่วมกลุ่มก็ลองเลียบๆ เคียงๆ ถามคนที่เขาขี่เจ้า "เวสป้า" อยู่ก็ได้...
ข้อมูลข่าวจาก ผู้จัดการ

รวมแหล่งอะไหล่รถเวสป้า

1. บางกอกสกูตเตอร์เซ็นเตอร์ดอทคอม
จำหน่ายรถสกูตเตอร์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับรถสกูตเตอร์ รถเวสป้า ฯลฯ
http://www.bangkokscootercentre.com

2. ไทยแลนด์สกูตเตอร์ คลับ
รถสกูตเตอร์คนไทย เกี่ยวกับรถเวสป้า แลมเบตต้า ฯลฯ รูปภาพรถ และแหล่งซื้อขาย
http://www.thaiscooter.com

3. เวสป้า ไซด์คาร์
รวบรวมข้อมูล และเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับรถเวสป้า แสดงเนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษ
http://vespasidecar.blogspot.com

4. อาร์มสกู๊ตเตอร์ช้อปดอทคอม
ให้บริการจำหน่ายสินค้าประเภท ชิ้นส่วน อะไหล่รถ และประดับยนต์ของรถสกู๊ตเตอร์ หรือรถเวสป้า http://www.armscootershop.com

5. เวสป้า ชอป
ร้านจำหน่ายอะไหล่-อุปกรณ์รถจักรยานยนต์เวสป้าและจำหน่ายรถจักรยานยนต์เวสป้าในจังหวัดเชียงใหม่
http://www.vespathai.com

6. หัวหินคลาสสิคสกู๊ตเตอร์
รถเวสป้า สกู๊ตเตอร์ขายและให้เช่า ทั้งรายวันและรายเดือน
http://www.huahinclassicscooters.com

7. รถเวสป้าดอตคอม
จำหน่ายอุปกรณ์อะไหล่ ของรถเวสป้า และแลมแบรตต้าทุกรุ่น
http://www.rodvespa.com

8. ไทยเวสป้าชอปดอทคอม
รวมข้อมูลอะไหล่ และอุปกรณ์ตกแต่งรสเวสป้า
http://www.thaivespashop.com

เคล็ดไม่ลับ

1. เกล็ดเล็กน้อยถ้ารถ ตด
ถ้าเวลาสตาร์ทรถแล้ว รถเกิดติดยาก สตาร์ทรถแล้วรถตด ดังปัง มันจะเกิดจากจังหวะการจ่ายน้ำมันไม่สัมพันธ์กับการจุดระเบิดหัวเทียน

2. การเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน
ควรเปลี่ยนถ่ายอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง

3. การดูแลเครื่องรถให้อยู่นาน
มันสตาร์ทเครื่องรถอย่างน้อย วันละ 1 ครั้ง เปลี่ยนถ่ายน้ำมัน ดูแลทำความสะอาดเครื่องอย่างสม่ำเสมอ ไม่จอดรถตากแดด ตากฝน

รุ่นต่างๆ ของ เวสป้า

เวสป้าออกมาทั้งหมด 138 รุ่น จนถึงปัจจุบัน


รุ่นเก่าๆ

- Paperino - รุ่นแรก ผลิตในปี 1945 ที่ Biella


- AMCA Troupes Aeról Portées Mle. 56 - ดัดแปลงโดยกองทัพฝรั่งเศส

- VLC Super 150

- VLB Sprint 150

- VBB Standard 150

- V9A

- VNA
- Vespa U - U มาจาก utilitaria (ภาษาไทย แปลว่า ประหยัด) เป็นรุนปี 1953 model ราคา 110 mila Lira ถูกผลิตออกมา 7000

- GS 150

- SS180

- GS160

- Standard 90 (3 spd)

- Standard 50 (3 spd)

- SS50 (4 spd)

- SS90 (4 spd)-90 SS Super Sprint

- 150 GL 90 Racer

- 125 TS 100 Sport

- 125 GTR

- 150 Sprint Veloce

- 180 SS Super Sport

- Rally 180

- Rally 200

- Primavera 125 also ET3 (3 port version)

- PK 50

- PK 50 XL

- PK 50 Roma (Automatic)

- 50 S

- 50 Special

- 50 Special Elestart

- 50 Sprinter / 50 SR (D)

- 50 Special Revival

- COSA 1 - 125cc, 150cc, 200cc

- COSA 2 - 125cc, 150cc, 200cc

- P80 / P80 E (France)

- P80X/PX80 E (France)

- PK 80 S / Elestart

- PK 80 S Automatica / Elestart

- PK100 S / Elestart

- PK100 S Automatica

- PK100 XL

- PK125 XL / Elestart

- PK 125 S PK 125 E

- PK 125 automatica (automatic tranny)

- P 125 E

- P200E

- PX200EFL

- PX200 Serie Speciale

- T5 / Elestart (5 port engine 125cc P series)

- T5 Classic (5 port engine 125cc P series)

- T5 Millennium (5 port engine 125cc P series)


รุ่นล่าสุด

- ET2 50 - 2stroke

- ET4 50 - 4stroke

- ET4 125 (Euro Model)

- ET4 150 (US model)


รุ่นปัจจุบัน

- Vespa S 50 และ 125

- GT60° 250cc

- LX 50

- LX 125

- LXV 125 (ครบรอบ 60 ปีของรุ่น LX 125)

- LX 150

- GT 125

- GT 200

- GTS 250

- GTV 250 (ครบรอบ 60 ปีของรุ่น GTS 250)

- PX 125

- PX 150 (ผลิตใหม่ในอเมริกาและแคนาดา ในปี 2004)

- PX 200

รุ่นพิเศษ

- Montlhéry - ผลิตในปี 1950 เพื่อทำลายสถิติในงาน Montlhéry Torpedo - ผลิตในปี 1951 วิ่งได้เร็วถึง 171 กม/ชม

><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><

การดูตำแหน่งเลขเครื่อง และ เลขตัวถังของ Vespa

ตำแหน่งเลขเครื่อง - เลขตัวถังเวสป้า

1. ดูบริเวณดิสเบรก


2. ดูบริเวณบังโคลนล้อรถ

3. ดูที่ตัวเครื่องยนต์

4. ดูที่ตัวเครื่อง


>>>>>>>>>>>>>>>>> เป็นต้น <<<<<<<<<<<<<<

เวสป้า อมตะของมอเตอร์ไซค์คลาสสิก

ชายสวมหมวกจ๊อกกี้สีดำ สวมใส่เสื้อนอกเข้าคู่กับกางเกงสแลคสีเข้ม อวดโฉมบนรถเวสป้า ตกแต่งสไตล์มอส ประดับประดาด้วยช่อไฟจำนวนมาก โฉบเฉี่ยวทะยานไปตามถนน สร้างความตะลึงพรึงเพริดไปกับมายาภาพความงามแบบคลาสสิคในแบบมอเตอร์ไซด์โบราณ อันยากจะบรรยายต่อสายตาใครก็ตามที่ได้พบเห็นในความงามและดูดี ไม่ใช่แค่เพียงเป็นยานพาหนะเชื้อเชิญหญิงสาวขึ้นมาซ้อนท้าย บั้นท้ายอันกว้างใหญ่ยาวยื่นของเบาะเวสป้ายังสามารถรองรับสิ่งของขนาดกะทัดรัดไปจนถึงใหญ่โตมโหฬารได้อย่างน่าอัศจรรย์เวสป้าส่งของ มีอยู่แทบทุกหนแห่ง ทว่าย่านพาหุรัด สำเพ็ง หลานหลวง แหล่งจับจ่ายค้าขายดูจะมีจำนวนเวสป้าส่งของมากที่สุดเวสป้าคันแล้วคันเล่าวิ่งฉวัดเฉวียนกลางถนน พ่วงสิ่งของบรรทุกท้ายรถโผล่ตามซอกซอย ตั้งแต่กล่องใบจิ๋วจนถึงใบโต ข้างในบรรจุของตั้งแต่น้ำหนักไม่มากไปจนถึงหลายสิบกิโล ผ้าหลายพับกองพะเนิน เมื่อมองจากด้านหลังแทบไม่เห็นคนขับ ท่อที่ยาวเฟื้อยออกไปข้างหลังไม่ได้ทำให้รถเสียการทรงตัว ความหนักหนาเอาการของสิ่งของที่บรรทุกไม่ได้ฉุดรั้งรถซึ่งดูสภาพเก่าแก่ทรุดโทรมกว่ารถแต่งหลายเท่าให้อ่อนแรงลงแม้แต่น้อยว่ากันว่าพ่อค้าเชื้อสายแขกเป็นกลุ่มแรกๆที่นำเอาเวสป้ามาใช้ประโยชน์ในการส่งผ้า จนความนิยมในการนำเวสป้ามาใช้ส่งของแพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะในหมู่พ่อค้าชาวจีนเวสป้า สปรินท์ รุ่นนิยมที่คนส่งของใช้กันเวสป้า สปรินท์ หรือ“หัวโต” หรือ “สปรินท์” ศัพท์รู้กันในกลุ่มผู้นิยมเวสป้า เรียกตามลักษณะหัวรถที่มีขนาดใหญ่ ฝาสี่เหลี่ยม บังโคลน ล้อใหญ่ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 นิ้ว ถ้าเป็นรุ่นเก่าล้อ 8 นิ้วตัวเครื่องจังหวะ 4 สปีด ประมาณ 125 ซีซี ตามที่มาของรถประเภทนี้ เป้าหมายของการผลิตดูจะเหมาะสม ทั้งสำหรับการนำมาใช้เพื่อความสวยงามและบรรทุกของ ตรงตามความต้องการของเพจจิโอผู้ให้กำเนิดและเจ้าของชื่อแบรนด์อมตะ ซึ่งเลือกนำเฉพาะข้อดีของรถจักรยานและมอเตอร์ไซด์มารวมกัน ออกมาเป็นโจทย์ให้ดัสคานิโอออกแบบเป็นรถสกู๊ตเตอร์ ที่ผู้หญิงสามารถใช้ขับขี่ได้ทั้งที่สวมกระโปรง ตัวรถจึงต้องมีน้ำหนักเบาง่ายต่อการขับขี่ ป้องกันการลื่นไหลจากน้ำฝน ค.ศ. 1946 รถสกู๊ตเตอร์คันแรก ถือกำเนิดขึ้น เป็นเครื่องยนต์ 2 จังหวะ 98 C.C.ใช้น้ำมันเพียง 5% ในการเดินเครื่องด้วยระบบการทำความเย็น ตัวถังที่เบาแต่มีความคงทนสูง และแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักเครื่องที่อยู่ภายใน ปกป้องช่วงขาและเสื้อผ้าของผู้ขับขี่ ล้อหน้าต่อเชื่อมเข้ากับเพลาและคานบังคับ เกียร์บังคับที่แฮนด์ข้างซ้ายต่างจากรถมอเตอร์ไซด์ทั่วไปด้วยรูปทรงที่ป่องออกและเว้าเข้าเหมือนเอว ส่วนหน้าเหมือนปีก รวมถึงเสียงของเครื่องยนต์ที่มีเสียงหึ่งๆ คล้ายตัวต่อ ทำให้รถชนิดนี้ได้รับสมญานามตามภาษาอิตาลีว่า VESPA ในสายตาของคนรักเวสป้าแต่ง ตู่-ธนัญชัย เกลี้ยงเกลามองว่าสปรินท์นิยมทำเป็นรถส่งของเพราะ “ บรรทุกได้เยอะมาก คิดว่ารับน้ำหนักได้ 300 กิโลกรัม” ส่วนแจ๊ค หนุ่มชมรมเวสป้าบอกว่าสปรินท์เป็นรถปีใหม่ หาอะไหล่ง่าย สภาพสมบูรณ์ดีกว่าปีเก่า ความที่มีขนาดเล็ก หลบหลีกสะดวก ง่ายในการจอดรถทำ และที่สำคัญบรรทุกอะไรได้ดี” ปั๊บ เจ้าของรถเวสป้าแต่ง ปี 62 กล่าว“คนที่ใช้อยู่บอกว่าบรรทุกได้เยอะ ทรงตัวดี ก็ยังงงๆอยู่ว่า โช้คอัพเวสป้ามีข้างเดียว ต่างจากรถญี่ปุ่นมีโช้คอัพ 2 ข้าง แต่พอบรรทุกแล้วดีกว่ารถญี่ปุ่น” ประณต บุญล้ำ หรือปอ เจ้าของ"บ้านช่าง" ร้านซ่อมรถโบราณทำสีหน้าแปลกใจ พร้อมกับให้เหตุว่าอาจจะได้กำลัง เพราะระบบเครื่องยนต์ของเวสป้า ช่วยในการส่งกำลัง “เครื่องยนต์สตาร์ทปุ๊บ ส่งกำลังมาที่เพลาเกียร์ กำลังออกจากเฟือง ส่งต่อมาที่ล้อเลย ไม่ต้องผ่านกระบวนการโซ่ผลัก คิดว่าจุดนี้ทำให้บรรทุกได้ค่อนข้างดี หรือหากเอารุ่นอื่นมาใช้ก็แพงไป สมรรถภาพดี ราคาไม่แพง 2-3 หมื่นกว่า”เมื่อมองเวสป้ารุ่นนี้เป็นรถส่งของ บางกลุ่มจึงไม่นิยมนำมาแต่งใช้ “แรกๆคนไม่ยอมรับเท่าไหร่ มองว่ามันไปเหมือนรถส่งของ ตลาดเวสป้าวัยรุ่นจะเล่นกันเยอะ ค่อนข้างเซ้นซิทีฟหน่อย พอเห็นเป็นรถส่งของก็ไม่อยากขับกัน พอถึงทุกวันนี้ มันไม่ใช่เรื่องน่าเกลียดอะไร บางคนงบไม่ถึง ตัวที่นิยมเล่นกันราคา 5-7 หมื่น ถ้ากำลังทรัพย์อยู่ระดับปานกลางก็จะหันมาเล่นรุ่นนี้” ประณตกล่าว“ในความรู้สึกผมไม่ต่างกัน ส่วนใหญ่ที่เจอจะมีน้ำใจให้กัน เคยอยู่ครั้ง ขับไปๆจู่รถเสีย พอดีคนขับเวสป้าส่งของผ่านมาช่วยซ่อม” ตู่เล่าประสบการณ์ที่ยังประทับใจให้ฟังเวสป้า มูลค่าเพิ่มสูงตามจำนวนปี ยิ่งเก่า ยิ่งแพงตลาดรถมอเตอร์ไซด์ โบราณ แถวแมคโครบางกระบือในยามเย็นวันเสาร์ คราคร่ำไปด้วยคนรักรถโบราณ ต่างนำรถแต่งของตนเองมาประชัน อวดโฉม แลกเปลี่ยนอะไหล่ซึ่งกันและกัน ในจำนวนเวสป้าที่นำมาอวดโฉม ยังมีรถแปลกตาคนรุ่นใหม่ ชินตาคนรุ่นเก๋าซึ่งวัยรุ่นกำลังนิยมหลายประเภท ที่กำลังอินเทรนด์ตอนนี้เห็นจะเป็นฮอนด้า ซี รุ่นต่างๆ“เทียบรุ่นแล้ว เรื่องของราคาที่ถูกกว่า เมื่อเทียบกันซื้อเวสป้า4-5 หมื่น ขณะที่ฮอนด้าราคาตกหมื่นกว่าบาท แถมยังเป็นรถเก่าเหมือนกันเวสป้าได้เปรียบเรื่องของเครื่องยนต์ เนื่องจากฮอนด้ามีลูกสูบหรือซีซีน้อย ขึ้นสะพานปิ่นเกล้าไม่ค่อยไหว เวสป้าขึ้นสะพานสบาย เนื่องจากมีลูกสูบ 150 ซีซี และใช้ระบบเฟือง”ตู่แจงความต่างของรถโบราณอินเทรนด์ในพ.ศ.นี้ให้ฟังรุ่นนิยมของคนรักเวสป้า ดูเหมือนปี 64 จะมาแรงแซงโค้งปีอื่นๆ “กะทัดรัด ฝากระโปรงกลม หัวมนน่ารัก ล้อเล็ก ตูดกลมมน คล้ายๆแมงปอ เมื่อก่อนราคายังถูกอยู่ ซื้อมาเกือบหมื่น” ตู่บอก และด้วยความนิยมอย่างมากนี่เองทำให้ เหล่าพ่อค้าหัวใส นำเอาเวสป้ารุ่นอื่นมายกเครื่อง ลวงว่าเป็นเวสป้าปี 64 สปรินท์ ถูกนำมายกเครื่องย้อมแมวขาย เปลี่ยนโฉมปรับเปลี่ยนล้อใหญ่ให้กลายเป็นล้อเล็ก ตีบอดี้ใหม่ทั้งคัน เรียกว่าแฟนพันธ์แท้เวสป้าตัวจริงจึงจะดูออก สปรินท์หัวกลมถูกลงมาอยู่ที่ 3 หมื่นกว่า ราคาห่างจากเวสป้าแต่งครึ่งต่อครึ่ง โดยทั่วไปราคาซื้อจากเจ้าของเก่าไม่ถึงกับแพงอะไรมาก ตู่เล่าว่าแพงต่อเมื่อนำมาตกแต่ง “คนแก่ๆแป๊ะจอดทิ้งไว้เป็นสิบๆปี ไปซื้อมาราคาไม่ถึงหมื่น ซ่อมไปซ่อมมาตกไป 3 หมื่นกว่าบาท”ราคาไม่ตายตัวขึ้นอยู่กับสภาพรถ และการจดทะเบียนพร้อมตกอยู่ที่ 50000 บาท บางคันรวมอุปกรณ์ตกแต่งอย่างดีจ่ายเพิ่มเป็น 60000 บาท อุปกรณ์ของเดิมที่ติดรถ ไม่เปลี่ยนแปลง ไมล์กระจก เน้นของเดิม รุ่นเก่าบางตัว หายาก คนต้องการเป็นเจ้าของ คนที่มีโก่งราคา ทำให้ราคาสูงคนนิยมรุ่นหัวเล็ก กระโปรง หัวกลมๆ ดูน่ารัก เด็กๆมักจะถามหารุ่นนี้ คันหนึ่งหากมีสภาพใหม่ๆอยู่ที่ราคา 6 หมื่นกว่าตู่เล่าให้ฟังว่าราคาเวสป้าเพิ่งมาแพงเมื่อปีที่แล้ว ตามกระแสสังคม ส่วนใหญ่เป็นเพราะนักศึกษาที่หันมาสนใจมากขึ้นทำให้ราคาแพง ยิ่งเก่ายิ่งมีราคา ประเภทเวสป้าปี 54-55 หรือที่เรียกว่าเวสป้าแฮนด์แป๊ป ด้วยความพิเศษของแฮนด์เหล็ก ไฟอยู่บนบังโคลน ขายทีคันเป็นแสน อย่างไรก็ตามเวสป้าที่ว่าแพงแล้ว ยังเสียแชมป์ให้แลมเบรตต้าซึ่งเลิกผลิตไปนาน มีจำนวนไม่มาก ยิ่งหาซื้อยาก ราคายิ่งแพงกว่าเวสป้าส่วนความสวยแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน ข้อดีของแลมเบรตต้าที่คนนิยมจะบอกว่าการทรงตัวเวลาขับดี อุปกรณ์ต่างๆ โช้คอัพ เครื่องยนต์อยู่กลางรถ และรูปทรงแบน ยาวอันเป็นเสน่ห์ย้อนกลับไปดูเวสป้ารุ่นเก๋าสุดเรียกว่ารุ่นแฮนด์แป๊บ ตัวแฮนด์เปลือยเป็นเหล็ก มาอีกยุคเป็นฝากข้างรูปทรงกระโปรงแตกต่างกัน รุ่นใหม่ๆ นิยมหัวเล็ก ล้อ 8 นิ้ว ถัดมาอีกรุ่นเป็นสปรินท์หัวเหลี่ยม อยู่ได้ไม่กี่ปีเปลี่ยนเป็นสปรินท์หัวกลม ระยะเวลาการผลิตจะอยู่ยาวหน่อย จนถึงปี 70 กว่าๆ ปีเก่า หัวเป็นทรงกลม ดูคลาสสิก ไม่เหมือนเวสป้ารุ่นใหม่ ออกมาเป็นเหลี่ยม มีไฟเบอร์ สตารท์มือเข้ามาเสริม พวกนี้นำเข้าจากแดนภารตะ ฐานการผลิตที่ย้ายจากบริษัทแม่ ที่เมืองเจนัว อิตาลี เข้าไปยังอินเดีย ด้วยเหตุผลลดต้นทุนการผลิต รถเวสป้ารุ่นใหม่ที่ออกมาให้เห็นเรียกว่ารุ่น PX คอซซ่า วีโน่ เครื่องยนต์ดีขึ้น รูปทรงต่างๆเริ่มพัฒนา มีไซเบอร์กลาส พลาสติกเข้ามาประกอบกับรุ่น มีระบบไฟฟ้าในการสตาร์ท (สตาร์ทมือ) กำลังดีขึ้น มีคาบูตัวหนุนไฟฟ้าอยู่ในคาบูเลตเตอร์ แต่ว่าอะไหล่ค่อนข้างแพง คนใช้น้อย ตกราคาเกือบแสนในขณะที่เวสป้าอื่นๆ นิยมตกแต่งกัน 2 สไตล์ “เรียบๆ กับแต่งแบบมอส ใส่ไฟใส่กระจกเยอะๆ บางครั้งเอา 2 ส่วนมาผสมกัน คนขับแต่งแบบคลาสสิกแต่งตัวเรียบๆธรรมดา คนขับมอสจะใส่เสื้อสูท คลุมทับอีกชั้นให้ดูดี สวมแว่นตาใหญ่ๆหรือครอบไว้ที่หมวก ตามที่เห็นจากภาพเก่าๆที่ฝรั่งแต่งกันแล้วแต่งตาม” ตู่ เจ้าของร้านกอมเม่ ผู้มีรสนิยมรถเวสป้าโบราณเกือบ 10 คันเล่าให้ฟังผู้ขับขี่เวสป้าส่งของหรือสปรินท์ ซึ่งส่วนใหญ่บอกว่ารถที่พวกเขาใช้อยู่เป็นรถของนายจ้าง ลูกจ้างบางคนใช้มานาน 8-9 ปี น้อยคนนักจะแต่งให้สวยงาม “คนที่ใช้ส่งของแต่งต่างจากคนที่เล่นเพื่อความสวยงาม แต่งคล้ายรถสมัยใหม่ มีไฟ ปรับเสียงท่อให้ดังขึ้นมาอีกนิด สีสันออกสไตล์เรซซิ่ง” เจ้าของร้านซ่อมรถบ้านช่างกล่าว“การตกแต่งใส่ตะแกรงใหญ่ๆ ดูเทอะทะไม่สวย แต่หากวิ่งโดยไม่ใส่ตะแกรงวิ่งส่งของ กลายเป็นรถหรูไปทันที” ตู่บอกด้วยความกะทัดรัดของเวสป้า ทำให้หลายคนกังขาและไม่เห็นด้วยที่จะให้รถเล็ก เคลื่อนตัวได้ช้า ออกมาทะยานบนถนนใหญ่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตได้ เนื่องจากรถมอเตอร์ไซด์บางประเภท เช่น รถป๊อบ ชาร์ลี เวสป้าบางประเภท ฯลฯ มีขนาดเล็ก วิ่งช้า ตามผลสำรวจพบว่ามี เมื่อนำไปวิ่งบนถนนใหญ่มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุบ่อย ไม่ปลอดภัยในการขับขี่ ออกวิ่งคู่กับรถสิบล้อเหมือนถูกดดูดเข้าใต้รถ ความปลอดภัยมีน้อย จึงได้เกิดกฏกระทรวงฉบับ13 พ.ศ. 2536 ออกตามฉบับพระราชบัญญัติรถยนต์พ.ศ.2522 กำหนดให้รถมอเตอร์ไซด์ที่มีขนาดล้อหน้า-หลัง มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 10 นิ้ว มีความจุของกระบอกสูบไม่เกิน 50 ลูกบาศก์เซนติเมตร มาขึ้นทะเบียนในปี 2536 ภายใน 90 วัน ซึ่งนับจากนี้แล้วไม่มีสิทธิ์ขึ้นทะเบียน กลายเป็นรถที่ไม่ได้จดทะเบียนเสียภาษี ถือว่าผิดกฎหมายหากถูกตรวจขึ้นมาตามกฎหมายของตำรวจ พระราชบัญญัติการจราจรทางบก ว่าด้วยกฎกระทรวงฉบับที่ 4 เรื่องการบรรทุกสิ่งของได้ไม่เกิน 50 กิโลกรัม หรือคนนั่งซ้อนได้เพียงคนเดียว ทั้งนี้จะรถที่ใช้จะต้องได้รับการจดทะเบียนเสียภาษี กับกรมขนส่งทางบกนอกเหนือจากมาตราดังกล่าว อาจจะมีเพิ่มเติมในส่วนของรายละเอียดปลีกย่อย ว่าด้วยมาตรา20 ผู้ขับขี่ต้องมีสิ่งของป้องกันไม่ให้คนสัตว์สิ่งของตกหล่น ซึ่งถ้าเป็นไปตามข้อกำหนดนี้ไม่ว่าจะเป็นรถประเภทใดสามารถใช้บรรทุกส่งของตามท้องถนนได้ รถเวสป้าก็เช่นกัน หากมีการจดทะเบียนเรียบร้อยก็สามารถใช้ส่งของได้เฉกเช่นรถมอเตอร์ไซด์ทั่วไป แถมจากปากคำผู้ใช้ หลายเสียงบอกว่าออกตัว และคงความเร็วได้ดีกว่ารถญี่ปุ่นที่ใช้ๆกันอยู่อัพเดทกับเรื่องราวของเวสป้าแต่ง ซึ่งหลายคนนิยมในความคลาสสิคของรถดังกล่าว “ แม้จะเป็นรถเก่าแต่พูดถึงสภาพรถแล้วต้องยกนิ้วแม่โป้งให้ในความทนทาน มองความเป็นอมตะ คลาสสิค ใครเห็นก็ต้องชอบ อย่างเดินๆไปมีรถจอดอยู่ 2 คันคันหนึ่งเป็นเวสป้า อีกคันเป็นรถญี่ปุ่น เราก็ต้องมองเวสป้า เพราะความมน รูปแบบความเป็นเวสป้า” ตู่เปิดใจถึงรถอมตะ“ไม่แรง แต่สวย คลาสสิค ผู้หญิงชอบรถเวสป้าเยอะ” ปั๊บ เด็กหนุ่มวัย 20 เจ้าของเวสป้า รุ่น 62 แต่งเรียบแบบคลาสสิคสีครีม เล่าว่าเห็นซิลลี่ฟูล ขับแล้วเท่ห์ ทำให้อยากใช้บ้าง ตู่เล่าต่อไปว่าเดี๋ยวนี้เด็กที่เล่นเวสป้ามีการชิงดีชิงเด่น ไม่ถูกกัน นำเวสป้ามาทำเครื่องให้แรงเพื่อประลองความเร็วกันบนถนนยามวิกาล ถึงจะนานๆครั้ง ทำให้ภาพพจน์ของเวสป้าในสายตาคนทั่วไปดูไม่ดี หากถูกตำรวจจับ ต่อไปก็จะโดนเพ่งเล็ง จากรถคลาสสิค กลายเป็นรถที่ทุกคนนำมาซิ่งกันเหมือนมอเตอร์ไซด์กวนเมือง ทั้งๆที่เวสป้ามีภาพลักษณ์เป็นรถคลาสสิก ขับเรื่อยๆ สบายๆจะดีกว่า “แม้เครื่องยนต์เสียงไม่ดังมาก แต่ก็ไม่อยากให้มี เพราะเป็นรถคลาสสิค ควรมีสนาม จัดแข่งกันดีกว่า ถึงจะทำเครื่องใหม่ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ยังไงก็ได้ไม่มาก ความเร็วประมาณ 120 ถือว่าเร็วสำหรับรถล้อเล็ก ส่วนใหญ่ขับไม่บิดคันเร่งให้รถวิ่งเร็ว ตามท้องถนนจราจรไม่ติดขัด เข็มไมล์จะชี้อยู่ที่ 60-70”ประณตเป็นอีกคนที่มีประสบการณ์เดียวกัน“พาน้องๆไปออกงาน มอเตอร์โชว์ บางคนเข้ามาหาว่าจะไปแข่งรถกัน พยายามยัดเยียดเหมือนเป็นมอเตอร์ไซด์ก่อกวน ทั้งที่รถแบบนี้ต่างจากรถญี่ปุ่นที่เอามาทำเครื่องแข่งกัน รถเก่า ขับมีปัญหาจุกจิ๊กมากกว่ารถใหม่ เวลาทำ ค่าจ้างแพง หมดเงินไปเยอะ ไม่มีประโยชน์ที่จะนำมาแข่งกัน แต่ทำเพื่อเสพความสุขมากกว่า” ณ วันนี้แม้เทรนด์เวสป้าจะแปรเปลี่ยนไปตามค่านิยมของคนใช้ในยุคอย่างไร หลายเสียงบอกว่าสัญลักษณ์ของอิสระและจินตนาการและโรแมนติก นอกจากความสวยงามคุณค่าทางจิตใจ ยังแฝงการนำไปใช้ได้ประโยชน์ ทำให้เวสป้ายังคงความอมตะของรถมอเตอร์ไซด์คลาสสิคได้อีกตราบนานเท่านาน
- - -- - - - - - - - - - - - -- -- - - - - - -- ------------------------------------------------------
ข่าวและภาพบางส่วน จาก : ผู้จัดการออนไลน์ 9 กรกฎาคม 2547
ที่มา : http://www.manager.co.th/

เรื่องเล่าขำ ๆ



เรื่องนี้เกิดขึ้นบนถนน สาทร >>> ถนนสาทรเป็นถนนที่มีลักษณะมีไฟแดงย่อย ๆ ติด ๆ กันเป็นระยะเพื่อให้รถออกจากซอยที่เชื่อมกับถนนสีลม เช้าวันอาทิตย์วันเดียวที่ถนนเส้นนี้ได้จะได้พักผ่อน >>> > ชายคนนึงขับรถSportเปิดประทุนคันงานผ่านเส้นทางนี้ในขณะที่จอดติดไฟแดงที่หัวถนนอยู่นั้นก็มีผู้ชายอีกหนึ่งคน ขี่รถเวสป้าฝ่าไฟแดงไปเนื่องจากถนนโล่งมาก ไม่มีรถตัดกระแสจราจร ก่อนจะผ่านรถ Sport ไปนั้นของรถเวสป้า ก็ตะโกนขึ้นมาว่า > > "รู้จักเวสป้าอะป่าว" >>> >>>>แล้วก็ฝ่าไฟแดงไป ชายคนที่อยู่ในรถเปิดประทุนรู้สึกฉุนมาก พอไฟเขียวก็รีบเหยียบคันเร่งจนสามารถแซงคืนได้ แต่ไม่ทันไรไฟแดงจุดถัดไปก็ทำงาน เสียงเบรคดังขึ้นรถเค้าจอดเป็นคนแรกของไฟแดง สักพักเวสป้าคันเดิมก็ฝ่าไฟแดงแซงขึ้นไป โดยไม่ลืมประโยคเดิมที่เคยพูดไว้ "รู้จักเวสป้าอะป่าว" >>> >> > > ครั้งนี้เสียงดังกว่าเดิม >>> >>แทบจะเรียกว่าตะโกนเลยก็ได้ >>>คงไม่ต้องบอกถึงอารมณ์ของชายหนุ่มบนรถเปิดประทุน ทันทีที่ไฟเขียว รถของเค้านั้นพุงออกมาและแซงกลับไปอย่างรวดเร็ว แต่ที่นี่คือ สาทร ไฟแดงถัดไปจึงทำงานอีกครั้ง > เสียงเบรคดังขึ้นอีกครั้งเป็นคันแรกเช่นเคย ไม่นานนักเสียงรถเวสป้าก็เคลื่อนตัวใกล้เข้ามา แล้วก็ฝ่าไฟแดงออกไป >>พร้อมกับเสียงสุดท้ายที่ดังและยาวนาน > > "รู้จักเวสป้าอะป่าวววววว" > > "โครม" > > คราวนี้ไม่โชคดีเหมือนทุกครั้ง >>>แยกนี้เป็นแยกใหญ่ > มีรถบรรทุกคันนึงกำลังขับผ่านแยกอย่างช้าๆทำให้เวสป้านั้นวิ่งเข้าไปชน คนขี่เวสป้ากลิ้งลงมานอนที่พื้น ด้วยความเร็วที่ไม่มากนัก แม้จะไม่เป็นอะไรมาก แต่เค้าก็ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ ยังคงนอนร้องด้วยความเจ็บปวด จึงเป็นทีของเจ้าของรถเปิดประทุนบ้างเขาเดินลงจากรถมาที่คนเจ็บพร้อมกับตะโกนว่า > "เป็นไงละ รู้จักเวสป้าป่าวแล้วรู้จักสิบล้อป่าวซ่านักเอาหนังสือพิมพ์ไปอ่านสักฉบับมั้ย" > > คนเจ็บมองหน้าคนขับรถเปิดประทุน แล้วพูดว่า > "ที่ผมถามพี่ว่ารู้จักเวสป้าอะป่าวอะเพราะผมจะถามพี่ว่าเบรคมันอยู่ตรงไหน

วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...